เรียน
คุยกันเรื่องข้อสอบ
เริ่มเรียนรู้เเนวข้อสอบภาษาเยอรมัน A1 อย่างไรดี?
+ ผลของงานวิจัยที่ผมได้ทำมาตลอด 2 ปีเต็มด้วยการสอนในรูปเเบบตัวต่อตัวของนักเรียนที่มาเป็นหนูทดลองให้กับผมนั้นจนทำให้ผมรู้อะไรบ้าง
อย่างสำหรับนักเรียนเเต่ละท่านเเละผมมีความจงใจที่จะสอนเพียงเเค่ท่านเดียวหรือไม่เกินสองท่าน ไม่อย่างนั้นผมจะเรียกงานตรงนี้ว่าวิจัยไม่ได้! ทุกท่านมีที่มาไม่เหมือนกันเเละความรู้ก็เเตกต่างกันไป
บ้างท่านเรียนเร็วบ้างท่านเรียนช้า บ้างท่านเก่งเข้าใจเร็วเเต่เสียดายไม่มีเวลาเรียนเพราะต้องทำงาน ต้องนี้น่าเสียดายนะครับเพราะท่านยังยึดติดกับความเชื่อเดิมๆอยู่ เชื่อว่างานต้องมาก่อนเสมอ
เอาองค์ความรู้ที่จะติดตัวท่านไปนั้นเก็บไว้ก่อน อยากจะบอกท่านว่าตอนนี้ท่านกำลังสร้างความฝันให้คนอื่นอยู่ เเต่ท่านกับมองข้ามไปที่จะสร้างความฝันให้ตัวท่านเอง กฎบังคับที่ถูกใครบ้างคนสร้างมา
เพื่อที่ให้ท่านต้องทำตามเเล้วในที่สุดมันก็จะเป็นกลไกของระบบของเค้า ขอยืมคำคมของ steav job มาใช้หน่อย "เวลาของคุณมีจำกัด อย่าเสียเวลาไปอยู่ในชีวิตของคนอื่น อย่าไปอยู่ในกฎ
เพราะนั่นหมายถึงการใช้ชีวิตในผลลัพธ์ที่ผู้อื่นคิด อย่าให้เสียงของคนอื่นมาเอาชนะเสียงภายในตัวคุณ และสิ่งที่สำคัญที่สุด จงมีความกล้าพอที่จะตามสัญชาติญาณและใจของคุณ
เพราะมันรู้อยู่แล้วว่าคุณจริงๆแล้วต้องการจะเป็นอะไร สิ่งอื่นๆคือสิ่งที่รองลงไป"
• มีความสนใจเป็นหลัก! ชอบเรียนรู้สิ่งใหม่ๆเป็นเดิมพันอยู่เเล้ว
• ความจำดีเเละไม่ลืมง่าย (การเรียนเเละสอนทุกวิชาหลักๆคือ ท่านต้องเอาไปท่องจำอยู่เเล้ว)
• ฉลาดคิดเช่น (copy คำสอนเเละคำอธิบายของผู้สอนเป็นหลัก) เเต่ยังไม่เข้าใจของระบบสักเท่าไร
• มีความขยันเเละวางเวลากับตัวเองอย่างถูกต้อง รู้หน้าที่เป้าหมายในการทำงานโดยที่ไม่ต้องเตือน
• ค้นหาข้อมูลเองโดยที่ไม่ต้องรอผู้สอน คือไปทำการบ้านมาก่อนหน้านั้นเเล้ว
• ไม่คิดหน้าคิดหลังไม่ถามอะไรมาก ถึงเวลาขอนัดมาเรียนเลย ใจนักเลง (กล้าได้กล้าเสีย)
นี้ก็จะเป็นของท่านที่มีอยู่ในตัวเองอยู่เเล้ว ผมกล้าพูดได้เลยว่าท่านใดมีองค์ประกอบนี้มันจะอยู่กับท่านตลอดไปเเม้จะอายุเยอะก็ตามเพราะผมยังเชื่ออยู่ว่าอายุมันเป็นเเค่ตัวเลขเท่านั้นเอง จากประสบการณ์ที่เคยสอนมาก็เคยเจอมาเเล้วด้วย อีกเทคนิคหนึ่งก็คือให้ท่านหาคนที่เค้ารู้จริงไม่ว่าจะเป็นการเรียนการสอนอะไรก็เเล้วเเต่มาติวให้มันจะทำให้ท่านเรียนรู้ได้เร็วเเละไม่เสียเวลา
• ยังไม่มีความเเน่ใจว่าเรียนไปเเล้วจะได้ไปสอบเมื่อไร? (เป้าหมายยังไม่คมความชัดเจนก็ไม่มี)
• มาเรียนอาทิตย์ละครั้ง สร้างเเละคิดเหตุผลเดิมๆให้กับตัวเองขึ้นมา เพื่อที่จะมาบอกผู้สอนว่า (ไม่มีเวลา)
• ไม่มีศรัทธาในการเรียน (ขาดกำลังใจเเละท้อเเท้)
• ถูกบังคับให้มาเรียน (ความเป็นตัวต้นยังไม่มี ยังหาจุดยืนของตัวเองไม่พบ)
• ความจำดีเเต่ลืมง่าย หรือจำเกือบจะไม่ได้ (ความสนใจต้องมาพร้อมกับการกระทำขาดอย่างใดอย่างหนึ่งไม่ได้)
สำหรับท่านที่ยังไม่พร้อมหรือยังคิดไม่ออก ก็ไม่เป็นไรนะครับพยามมองหาตัวเองให้พบหรือทำในสิ่งที่ตัวเองคิดว่าใช่ เเต่มันอาจจะไม่ใช่ในสิ่งที่ตัวเองทำหรือชอบอยู่ ฟังเเล้วงงไหมละครับ ผมพูดในภาพรวมไม่เกี่ยวกับการสอนก็ได้ อย่าลืมว่าบ้างอย่างที่เราทำเเเล้วสำเร็จมาได้ดีนั้นตัวเราเองรู้ดีกว่าคนอื่นว่าต้องใช้ความพยามเเค่ไหน
เดียวขอชี้เเนะเเนวทางเลยครับเพื่อการเตรียมพร้อมไปสอบอย่างได้ผล ท่านสมควรเตรียมตัวอย่างไรบ้าง ความจริงมันไม่ได้ยากอะไรอย่างที่คิดไว้เลย จากประสบการณ์ที่ผมได้สอนนักเรียนมาเเละได้ผลตามสูตรของมันมีไม่กี่อย่างเอง ครับท่าน โปรดอ่านรายละเอียดข้างล่างนี้นะ
• อย่างตอนเเรกเลยท่านต้องหาที่เรียนก่อนไม่ว่าที่ไหนก็เเล้วเเต่ที่ท่านคิดว่าเค้าสอนเราได้ก็เรียนเลยครับ เเต่ต้องถามเค้านิดหนึ่งว่าผู้สอนมีประสบการณ์หรือป่าวมีเอกสารการเรียนเเละสอนบวกกับข้อสอบ A1ด้วยหรือป่าว นักเรียนส่วนมากที่มาเรียนกับผมนี้ ผมไม่ทราบจริงๆว่าเกรงใจอะไรกันหรือไม่กล้าหรือเขินไปหรือป่าว จึงไม่ได้ถามผมว่าเป็นใครมาจากไหนถ้าผมไม่เเนะนำตัวผมเองก็คงไม่รู้นะครับว่าผมเป็นใครมาจากไหน เพราะฉะนั้นเเล้วท่านควรที่จะ ถามเเละตรวจให้ดีเพื่อประโยชน์เเละสิทธิ์ของตัวท่านเอง มันจะได้มีความรู้สึกสบายใจกันทั้งสองฝ่ายส่วนผมเป็นใครก็อ่านที่นี้ได้เลยครับ กดคลิกผู้สอน ประดินันท์ ภูรีวัฒนะ
• อย่างที่สอง พอท่านได้ที่เรียนควรจะรู้ระยะเวลาในการเรียนภาษาเยอรมันของที่นั้นด้วย กี่วันกี่เดือนกี่ปี คงไม่ถึงปีหลอกนะ อิอิอิ เรียนวันละกี่ชั่วโมงเเล้วมีวันอะไรบ้าง ที่ผมสอนนี้ก็จะให้นักเรียน มาเจอผมอย่างน้อย วันละสองชั่วโมง อาทิตย์ละ 3 ครั้งอันนี้อย่างต่ำนะครับ เป็นไปได้ผมอยากให้นักเรียนมาทุกวัน จะดีมากกว่ามาอาทิตย์ 2 ครั้งเป็นต้น ผมก็เลยไม่มีวันหยุดเเละสอนเสาร์อาทิตย์ไปด้วยเลย อย่าลืมนะครับนานๆครั้งถ้าคุณไปเรียน คุณจะลืมปกตินักเรียนก็ไม่ทำการบ้านอยู่เเล้วเป็นบ้างคนนะครับ จนเวลามันก็เลยนานขึ้นกว่าคุณจะเข้าใจเนื้อหาในการเรียนสอน ถ้าอ่านถึงตรงนี้เเล้ว ก็จะเริ่มมองภาพออกเเล้วว่ามันอยู่ที่ ตัวท่านเองอย่างชัดเจน
• อย่างที่สาม พอได้ไปเรียนเเล้วพยามทำความเข้าใจของอาจารย์ที่สอนที่นั้นไม่เข้าใจอะไรก็ถามเลยนะครับ ผมรู้บ้างครั้งท่านก็ไม่กล้าที่จะถามผู้สอนเป็นเพราะเรียนกันเยอะๆในห้องเรียนหรือป่าว อายเพื่อนที่ไปเรียนด้วยหรือป่าว สายตาทุกคนในห้องเรียนมองมาที่ท่านคนเดียว คราวนี้ท่านก็จินตนาการไปเอง ว่าท่านคงเเย่กว่าคนอื่นๆ ความจริงไม่ใช้มันเป็นเเค่พรมด้อย ถามไปเลยไหนๆท่านก็เสียตังค์ไปเเล้วอายครูไม่รู้วิชานะครับ
• อย่างที่สี่ เทคนิคนี้ท่านจำไว้นะครับเวลาเรียนภาษาเยอรมันท่านควรหาคำกริยาสัก 100 คำที่มีในการเรียนการสอนของท่าน ตัวอย่างเช่น machen, schlafen, lesen, arbeiten, essen พวกนี้ให้ท่านจดใส่กระดาษ ไว้เลยพยามหาให้ครบสัก 100 คำ พอได้เเล้วอย่าพึ่งดีใจนะครับ เพราะท่านต้องไปหาคำนามอีกสัก 100 คำเเละคำคุณศัพท์อีกสัก 100 คำ เพราะอะไรรู้ไหมครับ? ก็เพราะ Goethe เนียเค้าได้ระบุไว้ชัดเจนเเล้วว่าคำพวกเนียจะมีมาในการเรียนการสอน โดยฉะเพาะในข้อสอบ A1 คำพวกนี้จะมาเท่านี้เเละไม่มากกว่านี้ ถ้ามากกว่านี้ก็จะสูงขึ้นไปหรือก็จะเป็น A1-A2 เเล้วถามว่าคำพวกนี้เอามาจากที่ไหนเพื่อที่จะเน้นในการฝึกศัพท์ไม่ให้เสียเวลาไปมากว่านี้ โอเคถ้าท่านคิดอย่างนี้ก็ได้นะครับ ไปที่หน้า Goethe Homepage มันจะเป็น File PDF ให้โหลดเอานะลองหาดูนะหาไม่ได้ก็ E-Mail ถามผมก็ได้ครับ
• อย่างที่ห้า พอท่านรู้คำศัพท์ทั้งหมดเเล้วมันจะเป็นผลดีกับตัวท่านเองเวลาอ่านหรือฟังอะไรก็เเล้วเเต่จะเข้าใจเเละจะมีความสนุกไปในตัวนะครับ เเต่ก็อย่าเเอบดีใจไปสะก่อนนะเพราะถ้ารู้ศัพท์หมดเเล้วยังไงมันก็ไม่พอของการเข้าใจในรูปประโยคเป็นหลักท่านต้องไปทำ ตัวอย่างข้อสอบ A1 เเล้วพยามฝึกอ่านฝึกฟังเพื่อให้เกิดความเคยชินนะครับ ตรงเนียมันจะได้ประสบการณ์เต็มๆ ลืมบอกไปฝึกที่หน้า Goehte Homepage เลยครับ เค้าเตรียมไว้ให้ดีเเล้ว โหลดมาเป็น File PDF ก็ได้นะ สู้ๆครับ
• อย่างที่หก ใกล้จะเรียบร้อยเเล้วนะครับก็ยังเหลืออีกสองอย่างที่ยังไม่ได้พูดถึงก็คือ เขียนกับพูด มันจะเป็นจดหมายให้เราเขียนเเละก็พูดให้ตั้งคำถามเค้าหรือข้อร้องเค้าเป็นต้น ตรงเนียผมกล้าพูดได้เลยว่าถ้าท่านไม่ได้ฝึกคำศัพท์มาอย่างดีก่อนเนินๆเเล้วท่านจะไม่สามารถ เอาไปประยุกต์ใช้ในการเขียนเเละพูดได้ ใช้ไหมละครับเพราะไม่รู้ว่าจะเขียนหรือพูดสื่อความหมายออกมาอย่างไรดีนี้เอง พระเอกของเรื่องก็คือพวกศัพท์เนียเเละครับพอเข้าใจกันนะครับ บายๆจ๊ะ
• เค้าเป็นใครเเละทำอย่างไรถึงไปสอบผ่านใช้เวลาเเค่ 40 ชั่วโมงเองหรือ? ที่อื่นสอนเป็น 100 ชั่วโมง!
• อยากสอบผ่านอย่างเดียวเพราะตอนนี้ทำเรื่องครบทุกอย่างเหลือสอบ A1 อย่างเดียว เเฟนก็บ่นอยู่
• มีเทคนิคอะไรเเล้วทำอย่างไรถึงกล้าไปสอบ เรายังไม่กล้าไปสอบเลย กลัวสอบไม่ผ่าน!
• ตอนนี้อยากสอบผ่านอย่างเดียวเเต่ไม่รู้ไปเรียนที่ไหนดี อยากไปนอกเเล้วจ้า
• ใครเป็นคนสอนเค้าเนียเเล้วน้องเค้าไปเรียนที่ไหนกับใครอะ?
• 40 ชั่วโมงเรียนกี่วัน เเล้วจ่ายเงินไปเท่าไรกันเนีย?
เธอมีความจำที่ดีเเละทำการบ้านมาโดยตลอดส่งผลให้เธอประสบความสำเร็จในข้อสอบ A1 อย่างสบาย สิ่งที่ผมรู้ในตัวเธอหลังจากผ่านการเรียน กับผมเเค่ 6 ชั่วโมงทำให้รู้ในใจเลยว่าคนนี้ผ่านเเน่นอน เธอมีองค์ประกอบของเเนวโน้มผู้ที่สอบผ่านเกือบทั้งหมดเลย (สิ่งที่ผมได้เขียนไว้ข้างบน)
"ดิฉันเริ่มต้นเรียนภาษาเยอรมันด้วยการซื้อหนังสือมาอ่านค่ะ มีเกือบทุกแบบ ทั้ง MP3 ,VCD ตลอดจนหนังสือของสถาบันเกอร์เธ่ ซึ่งดิฉันคิดว่ามันจะช่วยให้ดิฉันสอบผ่าน A1 ได้ แต่มันไม่ได้ช่วยอะไรเลย ยิ่งอ่าน ยิ่งงง ยิ่งอ่าน ยิ่งง่วง แฟนดิฉันเห็นท่าว่าดิฉันคงไปไม่รอดแน่แน่ เลยแนะนำให้ดิฉันไปเรียนที่โรงเรียนสอนภาษา ดิฉันหาข้อมูลอยู่หลายที่นะค่ะ แต่ที่เลือกเรียนที่นี้เพราะอยู่ใกล้บ้าน และเวลาโทรไปสอบถามข้อมูล อาจารย์เขาพูดดี เป็นกันเองค่ะ พอได้ไปเรียนก็สนุกดีค่ะ อาจารย์เขาสอนแบบเป็นกันเองมาก จนบางครั้งรู้สึกเหมือน ไปติวหนังสือกับเพื่อนมากกว่าไปเรียน ส่วนเรื่องความรู้ที่เราจะได้นั้น อาจารย์เขาให้เราหมดนั้นแหละค่ะ แต่ว่ามันขึ้นอยู่กับเราว่าเราจะรับมาได้แคไหน ถ้าคุณทำตามที่อาจารย์บอกทุกอย่าง ดิฉันรับรองว่าคนที่มาเรียนเพื่อนำไปสอบ A1 จะสอบผ่านแน่นอนค่ะ (ดังเช่นดิฉัน) ส่วนคนที่เรียนเพื่อนำความรู้ไปต่อยอดในอนาคต คุณก็จะได้รับสิทธินั้น เหมือนดิฉันในทุกวันนี้ ในเวลาว่างดิฉันจะเอาหนังสือที่ซื้อมาอ่าน แต่ว่าความรู้สึกมันเปลี่ยนไปค่ะ จากที่เคยไม่เข้าใจ น่าเบื่อ ตอนนี้กลายเป็นเรื่องสนุก น่าสนใจ และเข้าใจมากขึ้นค่ะ ท้ายนี้ก็ต้องขอขอบพระคุณอาจารย์มากนะค่ะ สำหรับความรู้ ความเอาใจใส่ และความเชื่อมั่นในตัวลูกศิษย์คนนี้ ส่งผลให้ลูกศิษย์คนนี้สอบผ่าน A1 มาได้อย่างสวยงามด้วยคะแนนที่น่าพอใจ ปล.ที่นี้เขาสอนโดยเน้นประสิทธิภาพและตัวผู้เรียนเป็นหลัก อาจารย์เอาใจใส่นักเรียนทุกคนค่ะ ในแต่ละคนอาจารย์จะใช้เทคนิคในการสอนที่แตกต่างกันค่ะ เนื่องจากพื้นฐาน การเข้าใจและการจดจำของแต่ละคนไม่เท่ากัน"